วันอาทิตย์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน


" กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน "





กาพย์เห่ชมเครื่องคาว - หวาน
บทพระราชนิพนธ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ล้นเกล้ารัชกาลที่ 2

ประวัติผู้แต่ง

          พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (เจ้าฟ้าชายฉิม) 
     ทรงพระราชสมภพเมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๓๑๐ 
     เป็นพระราชโอรสองค์ที่ ๔ ในสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
     เมื่อสมเด็จพระราชบิดาได้ปราบดาภิเษก พระองค์ก็ได้รับพระมหากรุณา
     โปรดเกล้าฯ ให้เป็นสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร 
     ต่อมาได้พระราชทานอุปราชาภิเษกเป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคล 
     และได้ราชาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์สืบแทนพระบรมชนก


    ผลงานของพระพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยสืบเนื่องพระราชกรณียกิจ   จากพระบรมชนก ฟื้นฟูประเทศในด้านต่าง ๆ ทั้งยังทรงมีพระอัฉริยะภาพทางด้านศิลปะ ได้แก่ ประติมากรรม สถาปัตยกรรม ดนตรี นาฏศิลป์ และวรรณคดี พระราชนิพนธ์ที่สำคัญ เช่น เสภาเรื่อง ขุนช้างขุนแผน (บางตอน) บทละครเรื่อง อิเหนา รามเกียรติ์ สังข์ทอง ฯลฯ      กาพย์ เป็นคำประพันธ์ที่ได้แบบอย่างมาจากคัมภีร์วุตโตทัย มาจากคำว่า “กวิ” ซึ่งหมายถึงผู้แต่งคำประพันธ์ จึงเรียกงานของกวีว่า “กาพย์” ทั้งนี้กาพย์เริ่มมีตั้งแต่สมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ คือ กาพย์เห่เรือฉบับเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร โดยรูปแบบการแต่งขึ้นด้วยโคลงสี่ สุภาพ ๑ บทแล้วตามด้วยกาพย์ยานี ๑๑ ไม่จำกัดจำนวนบท หากจบจึงขึ้นตอนใหม่ด้วยโคลงสี่สุภาพอีกครั้งและใช้กาพย์ยานี ๑๑ บรรยายความเช่นเดิม นิยมให้โคลงสี่สุภาพและกาพย์บทแรกมีเนื้อความตรงกัน
 เนื้อเรื่อง
   กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน กล่าวถึงลักษณะเด่นของอาหารไทยโบราณชนิดต่าง ๆ ซึ่งสะท้อนถึงความประณีตในวัฒนธรรมด้านอาหารของคนไทย โดยพระราชนิพนธ์เชื่อมโยงอาหารกับนางผู้เป็นที่รักอย่างกลมกลืนแยบคาย ผู้อ่านจึงได้ความรู้ด้านเรื่องอาหารพร้อมกับความเพลิดเพลินจากบทประพันธ์


ศิลปะการประพันธ์
   
   ๑. มีการกล่าวถึงนางผู้เป็นที่รักอยู่โดยตลอดทั้งเรื่อง เช่น
                                      “ตับเหล็กลวกหล่อนต้ม              เจือน้ำส้มโรยพริกไทย
                                    โอชาจะหาไหน                           ไม่มีเทียบเปรียบมือนาง”

   ๒. มีการแสดงอารมณ์รัก เช่น
                                       “ความรักยักเปลี่ยนท่า               ทำน้ำยาอย่างแกงขม
                                     กลอ่อมกล่อมเกลี้ยงกลม              ชมมิวายคลับคล้ายเห็น”

   ๓. มีการเล่นคำ เช่น
                                       “ล่าเตียงคิดเตียงน้อง                นอนเตียงทองทำเมืองบน
                                     ลดหลั่นชั้นชอบกล                      ยลอยากนิทรคิดแนบนอน”

   ๔. มีการเล่นเสียงสัมผัสใน ทั้งสัมผัสสระและสัมผัสพยัญชนะ เช่น
                                       “เห็นหรุ่มรุมทรวงเศร้า               รุมรุ่มเร้าคือไฟฟอน
                                     เจ็บไกลใจอาวรณ์                       ร้อนรุมรุ่มกลุ้มกลางทรวง”

   ๕. มีการใช้ถ้อยคำเปรียบเทียบลึกซึ้งกินใจ ทำให้ผู้อ่านเกิดมโนภาพ เช่น
                                       “รังนกนึ่งน่าซด                        โอชารสกว่าทั้งปวง
                                     นกพรากจากรังรวง                      เหมือนเรียมร้างห่างห้องหวน”

   ๖. มีการแทรกความรู้เกี่ยวกับสภาพสังคมในยุคนั้น ๆ เช่น การติดต่อสัมพันธ์กับต่างประเทศ เช่น
                                       “ข้าวหุงปรุงอย่างเทศ                รสพิเศษใส่ลูกเอ็น
                                     ใครหุงปรุงไม่เป็น                        เช่นเชิงมิตรประดิษฐ์ทำ” 


ข้อคิด คติคำสอน และความจรรโลงใจ
   ๑. ให้ความรู้และแสดงถึงความประณีตในการทำอาหารของคนไทยในทุกขั้นตอนจากการพรรณนา
   ๒. ให้ความรู้เกี่ยวกับสภาพสังคมยุคสมัยนั้น เช่น ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
   ๓. ก่อให้เกิดความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมการทำอาหารของคนไทย ซึ่งเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งที่ไม่มีผู้ใดสามารถเลียนแบบได้


   การนำไปใช้ในชีวิตจริง
   ๑. คนไทยตระหนักในคุณค่าทางโภชนาการอาหารไทยที่มีไม่แพ้อาหารนานาชาติ
   ๒. อาหารไทยเป็นเครื่องสื่อความรัก ความห่วงใย และความผูกพันของคนในครอบครัว


สรุป
   กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน แสดงให้เห็นถึงความงามในวัฒนธรรมด้านอาหารการกินของคนไทยที่มีความประณีต ทำให้อาหารแต่ละชนิดมีลักษณะเด่นที่ต่างกันออกไป



ตัวอย่างบทประพันธ์ กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน

• เห่ชมเครื่องคาว 

๏ แกงไก่มัสมั่นเนื้อ                 นพคุณ พี่เอย
หอมยี่หร่ารสฉุน                      เฉียบร้อน
ชายใดบริโภคภุญช์                 พิศวาส หวังนา
แรงอยากยอหัตถ์ข้อน             อกให้หวนแสวง ๚   

๏ มัสมั่นแกงแก้วตา              หอมยี่หร่ารสร้อนแรง
ชายใดได้กลืนแกง                แรงอยากให้ใฝ่ฝันหา
๏ ยำใหญ่ใส่สารพัด               วางจานจัดหลายเหลือตรา
รสดีด้วยน้ำปลา                     ญี่ปุ่นล้ำย้ำยวนใจ
๏ ตับเหล็กลวกหล่อนต้ม        เจือน้ำส้มโรยพริกไทย
โอชาจะหาไหน                     ไม่มีเทียบเปรียบมือนาง
๏ หมูแนมแหลมเลิศรส         พร้อมพริกสดใบทองหลาง
พิศห่อเห็นรางชาง                ห่างห่อหวนป่วนใจโหย
๏ ก้อยกุ้งปรุงประทิ่น             วางถึงลิ้นดิ้นแดโดย
รสทิพย์หยิบมาโปรย             ฤๅจะเปรียบเทียบทันขวัญ
๏ เทโพพื้นเนื้อท้อง              เป็นมันย่องล่องลอยมัน
น่าซดรสครามครัน               ของสวรรค์เสวยรมย์ 
๏ ความรักยักเปลี่ยนท่า        ทำน้ำยาอย่างแกงขม
กลอ่อมกล่อมเกลี้ยงกลม      ชมไม่วายคล้ายคล้ายเห็น
๏ ข้าวหุงปรุงอย่างเทศ         รสพิเศษใส่ลูกเอ็น
ใครหุงปรุงไม่เป็น                เช่นเชิงมิตรประดิษฐ์ทำ
๏ เหลือรู้หมูป่าต้ม               แกงคั่วส้มใส่ระกำ 
รอยแจ้งแห่งความขำ           ช้ำทรวงเศร้าเจ้าตรากตรอม 
๏ ช้าช้าพล่าเนื้อสด              ฟุ้งปรากฏรสหื่นหอม
คิดความยามถนอม              สนิทเนื้อเจือเสาวคนธ์
๏ ล่าเตียงคิดเตียงน้อง         นอนเตียงทองทำเมืองบน
ลดหลั่นชั้นชอบกล                ยลอยากนิทรคิดแนบนอน
๏ เห็นหรุ่มรุมทรวงเศร้า       รุ่มรุ่มเร้าคือไฟฟอน
เจ็บไกลในอาวรณ์                ร้อนรุมรุ่มกลุ้มกลางทรวง
๏ รังนกนึ่งน่าซด                  โอชารสกว่าทั้งปวง
นกพรากจากรังรวง               เหมือนเรียมร้างห่างห้องหวน
๏ ไตปลาเสแสร้งว่า              ดุจวาจากระบิดกระบวน
ใบโศกบอกโศกครวญ           ให้พี่เคร่าเจ้าดวงใจ
๏ ผักโฉมชื่อเพราะพร้อง       เป็นโฉมน้องฤๅโฉมไหน
ผักหวานซ่านทรวงใน             ใคร่ครวญรักผักหวานนาง ๚



• เห่ชมผลไม้

๏ ผลชิดแช่อิ่มโอ้                    เอมใจ
หอมชื่นกลืนหวานใน               อกชู้ 
รื่นรื่นรสรมย์ใด                       ฤๅดุจ นี้แม
หวานเลิศเหลือรู้รู้                    แต่เนื้อนงพาล ๚

๏ ผลชิดแช่อิ่มอบ                   หอมตรลบล้ำเหลือหวาน
รสไหนไม่เปรียบปาน              หวานเหลือแล้วแก้วกลอยใจ
๏ ตาลเฉาะเหมาะใจจริง         รสเย็นยิ่งยิ่งเย็นใจ
คิดความยามพิสมัย                หมายเหมือนจริงยิ่งอยากเห็น 
๏ ผลจากเจ้าลอยแก้ว             บอกความแล้วจากจำเป็น
จากช้ำน้ำตากระเด็น              เป็นทุกข์ท่าหน้านวลแตง
๏ หมากปรางนางปอกแล้ว      ใส่โถแก้วแพร้วพรายแสง
ยามชื่นรื่นโรยแรง                  ปรางอิ่มอาบซาบนาสา
๏ หวนห่วงม่วงหมอนทอง        อีกอกร่องรสโอชา
คิดความยามนิทรา                 อุราแนบแอบอกอร
๏ ลิ้นจี่มีครุ่นครุ่น                    เรียกส้มฉุนใช้นามกร
หวนถวิลลิ้นลมงอน                 ชะอ้อนถ้อยร้อยกระบวน
๏ พลับจีนจักด้วยมีด               ทำประณีตน้ำตาลกวน
คิดโอษฐ์อ่อนยิ้มยวน               ยลยิ่งพลับยับยับพรรณ
๏ น้อยหน่านำเมล็ดออก          ปล้อนเปลือกปอกเป็นอัศจรรย
มือใครไหนจักทัน                   เทียบเทียมที่ฝีมือนาง
๏ ผลเกดพิเศษสด                  โอชารสล้ำเลิศปาง
คำนึงถึงเอวบาง                      สางเกศเส้นขนเม่นสอย
๏ ทับทิมพริ้มตาตรู                 ใส่จานดูดุจเม็ดพลอย
สุกแสงแดงจักย้อย                   อย่างแหวนก้อยแก้วตาชาย
๏ ทุเรียนเจียนตองปู                เนื้อดีดูเหลือเรืองพราย
เหมือนศรีฉวีกาย                    สายสวาทพี่ที่คู่คิด
๏ ลางสาดแสวงเนื้อหอม          ผลงอมงอมรสหวานสนิท
กลืนพลางทางเพ่งพิศ              คิดยามสารทยาตรามา
๏ ผลเงาะไม่งามแงะ               มล่อนเมล็ดและเหลือปัญญา
หวนเห็นเช่นรจนา                   จ๋าเจ้าเงาะเพราะเห็นงาม
๏ สละสำแลงผล                      คิดลำต้นแน่นหนาหนาม
ท่าทิ่มปิ้มปืนกาม                   นามสละมละเมตตา ๚



• เห่ชมเครื่องหวาน

๏ สังขยาหน้าไข่คุ้น                 เคยมี
แกมกับข้าวเหนียวสี                โศกย้อม
เป็นนัยนำวาที                         สมรแม่ มาแม
แถลงว่าโศกเสมอพ้อม            เพียบแอ้อกอร ๚

๏ สังขยาหน้าตั้งไข่                  ข้าวเหนียวใส่สีโศกแสดง
เป็นนัยไม่เคลือบแคลง             แจ้งว่าเจ้าเศร้าโศกเหลือ
๏ ซ่าหริ่มลิ้มหวานล้ำ                แทรกใส่น้ำกะทิเจือ
วิตกอกแห้งเครือ                      ได้เสพหริ่มพิมเสนโรย
๏ ลำเจียกชื่อขนม                    นึกโฉมฉมหอมชวยโชย
ไกลกลิ่นดิ้นแดโดย                   โหยไห้หาบุหงางาม
๏ มัศกอดกอดอย่างไร               น่าสงสัยใคร่ขอถาม
กอดเคล้นจะเห็นความ               ขนมนามนี้ยังแคลง 
๏ ลุดตี่นี้น่าชม                          แผ่แผ่นกลมเพียงแผ่นแผง 
โอชาหน้าไก่แกง                       แคลงของแขกแปลกกลิ่นอาย
๏ ขนมจีบเจ้าจีบห่อ                   งามสมส่อประพิมพ์ประพาย
นึกน้องนุ่งจีบกราย                     ชายพกจีบกลีบแนบเนียน
๏ รสรักยักลำนำ                         ประดิษฐ์ทำขนมเทียน
คำนึงนิ้วนางเจียน                      เทียนหล่อเหลาเกลากลึงกลม
๏ ทองหยิบทิพย์เทียมทัด           สามหยิบชัดน่าเชยชม
หลงหยิบว่ายาดม                       ก้มหน้าเมินเขินขวยใจ
๏ ขนมผิงผิงผ่าวร้อน                  เพียงไฟฟอนฟอกทรวงใน
ร้อนนักรักแรมไกล                     เมื่อไรเห็นจะเย็นทรวง 
๏ รังไรโรงด้วยแป้ง                    เหมือนนกแกล้วทำรังรวง
โอ้อกนกทั้งปวง                         ยังยินดีด้วยมีรัง
๏ ทองหยอดทอดสนิท                ทองม้วนมิดคิดความหลัง
สองปีสองปิดบัง                         แต่ลำพังสองต่อสอง
๏ งามจริงจ่ามงกุฏ                    ใส่ชื่อดุจมงกุฏทอง
เรียมร่ำคำนึงปอง                       สะอิ้งน้องนั้นเคยยล 
๏ บัวลอยเล่ห์บัวงาม                  คิดบัวกามแก้วกับตน
ปลั่งเปล่งเคร่งยุคล                    สถนนุชดุจประทุม
๏ ช่อม่วงเหมาะมีรส                  หอมปรากฏกลโกสุม
คิดสีสไลคลุม                            หุ้มห่อม่วงดวงพุดตาน
๏ ฝอยทองเป็นยองใย                เหมือนเส้นไหมไข่ของหวาน
คิดความยามเยาวมาลย์             เย็บชุนใช้ไหมทองจีน ๚

จากหนังสือ : ประชุมกาพย์เห่เรือ กองวรรณคดีและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร





ตัวอย่างการอ่านทำนองเสนาะ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน

" กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน " กาพย์เห่ชมเครื่องคาว - หวาน บทพระราชนิพนธ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ล้นเกล้ารั...